มิติใหม่ของการนำ Collagen มาใช้ประโยชน์

มิติใหม่ของการนำ Collagen มาใช้ประโยชน์

     Collagen ก็คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบเป็นกรด amino ชนิดที่แตกต่างจากโปรตีนอื่นๆ ของร่างกาย มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก ซึ่งหมายถึง “กาว” โดยคนในยุคนั้นนิยมนำหนังสัตว์ไปเคี่ยว เพื่อให้ได้กาวเหนียวๆนี้มาใช้งาน

    Collagen เป็นโปรตีนธรรมชาติในร่างกาย มีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ proteoglycan และ glycosamionglycans จัดเป็นโปรตีนเนื้อเยื่อเส้นใยชนิดหนึ่งที่มีความยืดหยุ่น เรียกว่า elastic fiber ซึ่งประกอบไปด้วย amino acid หลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ glycene prolene และ hydroxyprolene ที่มีความสำคัญยิ่งต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายมากมาย เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก กระดูกอ่อน ข้อ เหงือก ฟัน ตา หลอดเลือด ผิวหนัง และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวกับการยึดเหนี่ยว (ligaments)
  
    Collagen นี้จะช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง มีหน้าที่ในการป้องกันอวัยวะต่างๆในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆให้อยู่ด้วยกัน ทำให้มีความยืดหยุ่นดี เช่น ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับหรือเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด โดยเฉพาะจำเป็นต่อเนื้อเยื่อของกระดูกอ่อนบริเวณข้อในการรับน้ำหนักและขยับ เคลื่อนไหวไปมาในอิริยาบถต่างๆ เช่น เดินหรือวิ่ง เป็นต้น โดยในร่างกายของคนเราพบว่ามีโปรตีนอยู่มากมาย แต่มีประมาณ 33% ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายจะเป็น collagen และยังเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 75 ของผิวหนัง จึงเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวหนังหรือผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น นุ่มนวล ดูสดใส กระชับและเต่งตึงขึ้น ซึ่ง collagen ที่พบในส่วนของผิวนี้จะพบที่ชั้นหนังแท้ (dermis) ซึ่งเป็นผิวชั้นที่ 2 ที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้าและเป็น collagen ชนิดที่ 1,3 และ 4 แต่ถ้าเป็นชนิดที่พบในกระดูกอ่อนตรงข้อ จะเป็น collagen ชนิดที่ 2
 
ระดับของปริมาณ collagen ในร่างกายจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น คือ เมื่ออายุย่างเข้า 30 ปี อัตราการสร้างหรือสังเคราะห์ collagen จะเริ่มลดลงปีละ 1.5% ในทุกๆปี และจะเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเมื่อระดับของ collagen ลดลง ก็จะทำให้ความยืดหยุ่นและสภาพความแข็งแรงของโครงสร้างอวัยวะต่างๆของร่าง กายลดลงด้วย ช่วงที่ collagen ในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ร่างกายก็จะเริ่มสูญเสียความแข็งแรงของผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน ตรงข้อต่อ ที่เป็นสามเหตุของปัญหาโรคข้อเสื่อมตามมา จนเกิดปัญหาปวดข้อ ข้อฝืด ข้อแข็ง ข้อผิดรูป และข้ออักเสบ เป็นต้น ในส่วนของผิวหนังก็จะเกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และรอยตีนกาเกิดขึ้น
  
 ในเวลาต่อมาจึงได้มีการนำสารสกัด collagen มาใช้ประโยชน์ในรูปของ collagen hydrolysate คือ มีชนิดที่สกัดมาเพื่อใช้สำหรับบำรุงผิว ลดริ้วรอยต่างๆ กับอีกชนิดหนึ่งที่สกัดมาเพื่อใช้สำหรับบำรุงข้อ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้จะแตกต่างกัน โดยได้มีการศึกษา ค้นคว้า และทดลองสกัดสาร collagen ชนิดที่ 2 จากกระดูกอ่อนของหมูในรูปของผง แล้วนำมาใช้ประโยชน์ในโรคข้อเสื่อม ผลก็คือเมื่อให้รับประทานวันละ 10 กรัม เป็นเวลา ต่อเนื่องกัน 3 เดือนขึ้นไป พบว่าไม่เพียงแต่ collagen hydrolysate จะสามารถเข้าไปทดแทนในเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนได้ ยังมีคุณสมบัติไปกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์ collagen type 2 ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในกระดูกอ่อนตรงข้อต่อเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย พร้อมๆกับอาการปวดข้อและข้อยึดนั้นลดน้อยลงได้ เมื่อรับประทาน collagen hydrolysate ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป คือ จะช่วยทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น นอกเหนือจาก collagen hydrolysate ช่วยลดปัญหาเรื่องข้อเสื่อมได้แล้ว ยังมีประโยชน์ในผู้ที่มีปัญหาเรื่องกระดูก เช่น ในผู้หญิงวัยทองที่จำเป็นจะต้องเสริม calcium และจำเป็นต้องใช้ยาที่ป้องกันการสลายตัวของ calcium จากกระดูกพบว่า collagen มีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น และลดการสลาย calcium จากกระดูกได้ดีกว่าการใช้ยาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงเป็นมิติใหม่อีกมิติหนึ่งของการนำ collagen hydrolysate มาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของข้อเสื่อมนอกเหนือจากเรื่องของผิวได้
  
ดังนั้น การที่จะรับประทาน collagen hydrolysate ชนิดไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ว่าจะใช้ประโยชน์กับส่วนไหน เช่น ผิว หรือ ข้อ เพราะจะเป็น collagen ที่แตกต่างกัน เนื่องจากที่ผิวหนังจะเป็น collagen ชนิดที่ 1 ,3 และ 4 ส่วนที่ข้อจะเป็นชนิดที่ 2 อีกทั้งส่วนประกอบสำคัญของข้อ จะแตกต่างจากผิวและอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย คือ จะประกอบไปด้วยน้ำ 60% proteoglycan 10% และ collagen ชนิดที่ 2 30% รวมทั้งจะแตกต่างกันทั้งขนาดและปริมาณที่จะรับประทานเพื่อให้เกิดผลตามที่ ต้องการด้วย
  
ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนา collagen hydrolysate ในรูปแบบที่รับประทานง่าย และมีรสชาติอร่อย เช่น นำมาทำเป็นผงไว้ชงดื่ม และให้ละลายง่ายในน้ำเย็น เป็นต้น ซึ่งในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกาและเยอรมันนี ผู้สูงอายุต่างก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้มีคุณชีวิตที่ดีขึ้น อันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องของปัญหาข้อเสื่อม กับการเลือกรับประทาน “ Collagen” ซึ่งเป็นสารอาหารอย่างหนึ่งที่มิใช่ยา แต่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อโรคข้อเสื่อได้ ทำให้ลดการใช้ยาแก้ปวด และยาต้านการอักเสบ รวมทั้งทำให้การเคลื่อนไหวของข้อดีขึ้น ผลก็คือ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

โดย ภก.ประวิทย์ ตันติสุวิทย์กุล
ที่ปรึกษาองค์การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการสาธารณสุข
ที่มา : วารสารสมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) ฉบับที่ 27 สิงหาคม 2549