วิธีเลือก เครื่องสำอางค์

วิธีเลือก เครื่องสำอางค์

ในท้องตลาดมีเครื่องสำอางมากมาย บางอย่างก็โฆษณาว่ามีสรรพคุณโน่น นี่ นั่น เยอะแยะมากมาย ผู้หญิงอย่างเราในฐานะผู้บริโภคควรจะมีหลักการเลือกอย่างไร จึงจะได้เครื่องสำอางที่ช่วยให้เราสวยอย่างแท้จริง โดยไม่ได้รับสิวและอาการแพ้เป็นของแถม คราวนี้แหละจะได้รู้กัน

มอยซ์เจอไรเซอร์
     ในท้องตลาดมีครีมที่โฆษณาว่ามีส่วนประกอบของมอยซ์เจอไรเซอร์ ซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว บางยี่ห้อก็โฆษณาว่าช่วยลดความมัน ความจริงเป็นเช่นไรกันแน่

      แท้จริงแล้วมอยซ์เจอไรเซอร์คือสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว แต่ น้ำในร่างกายของเราก็ทำหน้าที่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ขณะที่ตัวมอยซ์เจอไรเซอร์ในครีมบำรุงผิวคือไขมัน ที่ได้จากพืชหรือสัตว์ ด้วยเหตุนี้ครีมมอยซ์เจอไรเซอร์จึงลดความมันไม่ได้

      และดังที่กล่าวแล้วว่าน้ำในร่างกายจะทำหน้าที่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ตาม ธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ที่มีผิวหน้ามันอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องทามอยซ์เจอไรเซอร์เสริม เข้าไปอีก

      สำหรับผู้ที่ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้นควรอาศัยเทคนิคในการเลือกซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์ดังนี้

      เลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิว โดยดูว่าผิวเราเป็นแบบไหน ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ซึ่งถ้าเรามีผิวมันก็ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกครีม เพราะมีความมันมากเกินไป ควรเลือกเจลหรือโลชันจะดีกว่า จะได้ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเวลาทา เนื่องจากมีน้ำมันน้อยกว่า

      ทาตรงส่วนไหนของร่างกาย หากต้องการทาที่แขน ขา ก็ควรใช้โลชันสำหรับทาตัวโดยเฉพาะ เพราะมีส่วนผสมของสารเคมีเข้มข้นกว่าครีมทาหน้า ดังนั้นถ้านำครีมทาตัวมาทาหน้า ซึ่งมีผิวที่บอบบางและไวต่อสารเคมีมากกว่าก็อาจแพ้ได้ ในทางกลับกันสามารถใช้ครีมทาหน้าในการทาตัวได้ เพียงแต่ว่าจะต้องจ่ายในราคาที่แพง

ไวท์เทนนิ่ง
     ครีมไวท์เทนนิ่งมีขายมากมายตามท้องตลาด แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่ามีความปลอดภัย
เทคนิคง่ายก็คือการดูส่วนประกอบ เพราะหากมีสารปรอท หรือไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นสารต้องห้ามของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็แสดงว่าเป็นครีม อันตราย นอกจากนี้กรดวิตามินเอก็มีโอกาสก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ อย่างไรก็ดีไวท์เทนนิ่งส่วนใหญ่ที่วางตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าค่อนข้าง ปลอดภัย เพราะมีส่วนประกอบของสารเคมีที่อ่อน ส่งผลให้ผู้ใช้ไม่ค่อยแพ้ ตัวอย่างสารในครีมไวท์เทนนิ่งที่ปลอดภัยก็ได้แก่ กรดโคจิก อาบูติน วิตามินซี วิตามินซี AHA

ครีมลบเลือนริ้วรอย
     ควรเลือกเครื่องสำอางที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของอนุพันธุ์วิตามินเอ ไวทานอล AHA โปรตีนเปปไทด์ ส่วนโคเอ็นไซม์คิวเทน ไม่ได้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่เป็นสารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งไปทำลายเซลล์ให้เสื่อม นอกจากนี้ยังมีวิธีการลดริ้วรอยแห่งวัยง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้เองก็คือ การป้องกันแสงแดด การทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้อง และการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสม

เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
     สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเราไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หน้าทั้ง 3 อย่างมาใช้ทั้งหมด แต่เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งที่มีความเหมาะสมกับปัญหาของผิวเรามากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ ไวท์เทนนิ่ง และครีมลบเลือนริ้วรอยต่างก็มีมอยซ์เจอไรเซอร์เป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น จึงสามารถบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นได้เหมือนกัน

ครีมกันแดด
     แสงแดดเป็นอันตรายต่อผิว เพราะนอกจากจะทำให้ผิวหมองคล้ำแล้ว ยังเร่งให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น สาวๆ หลายคนจึงฝากความหวังไว้กับครีมกันแดดว่าจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แล้วครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพต่อต้านรังสีที่เป็นอันตรายต่อผิวนั้นควรมี ลักษณะอย่างไร

คำตอบคือ
     ในแสงแดดประกอบด้วยรังสียูวีบี ซึ่งส่งผลให้ผิวแดงไหม้ ครีมกันแดดที่จะช่วยป้องกันรังสียูวีบีได้จะต้องมีค่า SPF จึงควรเลือกค่า SPF ให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ เช่น ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ไม่ได้ออกไปกลางแจ้ง ค่า SPF 15-30 ก็เพียงพอ (เช่นเดียวกับคนที่อยู่ในร่ม แต่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง หรือนั่งอยู่ในรถก็ต้องใช้ค่า SPF เท่านี้) เพราะยิ่งมีค่า SPF มากก็ยิ่งมีสารเคมีมาก อันจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง และเกิดสิวอุดตันได้มาก นอกเหนือจากราคาที่ต้องจ่ายในอัตราที่สูงโดยใช่เหตุ แต่ถ้าต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ควรใช้ค่า SPF 50-60 ขึ้นไป

      นอกจากนี้ในแสงแดดก็ยังประกอบด้วยรังสียูวีเอ ซึ่งส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยและยังก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA โดยต้องอยู่ในระดับบวกขึ้นไป คือ PA+
นอกจากเราต้องระวังแสงแดดอันเป็นสาเหตุของปัญหาผิวพรรณแล้ว เราควรระวังเรื่องความร้อนด้วย เพราะมีรังสีอินฟาเรดที่ส่งผลให้เซลล์ผิวหน้าเสื่อมสภาพ ด้วยเหตุนี้คุณแม่บ้านที่ต้องทำอาหารอยู่หน้าเตาบ่อยๆ ผิวก็อาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้อยู่หน้าเตา ซึ่งวิธีการแก้ไขก็คือการทาครีมกันแดด แต่ต้องเลือกครีมกันแดดประเภทสะท้อนแสงได้ ซึ่งครีมชนิดนี้เมื่อทาแล้วหน้าจะขาววอก ถือเป็นข้อเสียของครีมกันแดดชนิดนี้ ที่ทาแล้วไม่สวย

การใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้อง
     1. การจะใช้ครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพตามที่ทดสอบในห้องทดลอง ต้องใช้ในปริมาณ 2 มิลลิกรัม/ตาราง
เซนติเมตร หรือประมาณ 1 ช้อนชา หรือ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับทาหน้าและคอ ซึ่งคนทั่วไปมักใช้ครีมกันแดดน้อยกว่าที่กำหนด และทาไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามที่กำหนดและทาได้ทั่วถึง จึงขอแนะนำให้แบ่งทา 2 รอบ โดยแต่ละครั้งใช้ครีมประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ

    2. ทาครีมกันแดดก่อนสัมผัสแดด 15 นาที เพื่อให้ครีมยึดติดกับผิวหนัง และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพต่อเนื่อง

    3. หากต้องมีกิจกรรมกลางแดดต่อเนื่อง หรือเล่นกีฬาทางน้ำกลางแดด ควรเลือกครีมกันแดดชนิดกันน้ำ และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง


ครีมสำหรับผิวแพ้ง่ายและป้องกันการเกิดสิว
     ถ้าคุณมีผิวแพ้ ง่ายควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อให้เกิดอาการแพ้ ทั้งนี้สารที่มักก่อให้เกิดอาการแพ้ก็ได้แก่ น้ำหอมหรือสี นอกจากนี้ก็ยังพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้บ่อยๆ ก็คือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA และผลิตภัณฑ์พวกโทนเนอร์ เป็นต้น คนที่ผิวแพ้ง่ายจึงควรปฏิบัติตัวดังนี้
- อย่าไปยุ่งกับผิวหน้ามาก เช่น ไม่ล้างหน้าบ่อย ไม่นวดหน้า ไม่ขัดหน้า เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้
- ควรเลือกเครื่องสำอางที่จะช่วยไม่ให้เกิดสิวสำหรับผู้ที่แต่งหน้าประจำ เช่น เลือกเครื่องสำอางที่เป็นผง แทนโลชันหรือครีม เลือกรองพื้นที่เป็นสูตรน้ำ (water base) แทนสูตรกันน้ำ (water proof) เพราะรองพื้นประเภทกันน้ำจะไปอุดตันทำให้เป็นสิวมากขึ้น
- พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมน้อยกว่า 10 เพราะยิ่งมีส่วนผสมมาก แสดงว่ายิ่งมีสารเคมีมาก ซึ่งโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ก็จะยิ่งมากตามไปด้วย

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
     เพื่อเป็นการ หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่เกิดจากสารเคมี หลายคนจึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาว่า ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ และปลอดสารเคมี เช่น มาส์กที่มีส่วนผสมของผักและผลไม้ แต่ในความเป็นจริงเครื่องสำอางเหล่านี้ก็ไม่ได้ปลอดสารเคมี เพราะได้มีการใช้สารเคมีบางอย่างที่จะช่วยให้สารสกัดจากผักและผลไม้อยู่ได้ นาน โดยไม่บูด

การมาส์กหน้า
     มาส์กสำหรับพอก หน้ามีหลายแบบ เช่น โคน กระดาษ พีล (peel) โดยต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับลักษณะของผิว มาส์กมีประโยชน์คือช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน เหมือนกับการสครับซึ่งมีเม็ดเล็กๆ ช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วแต่ยังไม่ทันหลุดลอก หลุดลอกได้เร็วขึ้น ทำให้ผิวสว่างขึ้น แต่คนที่ผิวแพ้ง่ายไม่ควรใช้ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการอักเสบ อันเป็นผลจากผิวขาดความชุ่มชื้น รวมถึงไม่ควรมาส์กหน้าทุกวัน แต่ควรทำสัปดาห์ไม่เกิน 3 ครั้ง

ที่มาของข้อมูล : งานเสวนาเรื่อง “การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว” โดย รศ.พญ. เพ็ญพรรณ วัฒนไกร และ พญ.สุเพ็ญญา วโรทัย ในโอกาสครบรอบ 36 ปีสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2554 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน