วิธีลดเลือนริ้วรอย ที่คุณคาดไม่ถึง

วิธีลดเลือนริ้วรอย ที่คุณคาดไม่ถึง

ริ้วรอย เป็นคำแสลงใจที่ไม่มีสาวๆ คนไหนอยากพบเจอ ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยทั้งหลาย จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ว่า Well-women ฉบับนี้มีเคล็ดลับการลดเลือนริ้วรอย ที่สาวๆ อาจจะคาดไม่ถึงมาฝากกัน

นอนหงาย
     สมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกันแนะนำว่า การนอนในท่าใดท่าหนึ่งเพียงท่าเดียวทุกๆ คืนจะทำให้หน้ายับ ก่อนจะกลายเป็นริ้วรอยที่เห็นได้ชัดบนผิวหน้า และไม่เลือนหายไปแม้ว่าคุณจะลุกขึ้นมาแล้วก็ตาม โดยการนอนตะแคงข้างจะเพิ่มริ้วรอยที่แก้มและคาง ขณะที่การนอนคว่ำจะทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผาก ฉะนั้นเพื่อลดการก่อตัวของริ้วรอยแนะนำให้สาวๆ เปลี่ยนมานอนหงายแทน แม้ว่าอาจจะไม่ชินในช่วงแรก และเผลอพลิกไปนอนในท่าที่เคยชินตอนหลับไปแล้ว แต่ก็ยังดีกว่านอนตะแคง หรือนอนคว่ำอย่างเดียวโดยไม่เปลี่ยนท่าเลยตลอดคืน

รับประทานปลามากขึ้น
     อันนี้ฝรั่งเขาแนะนำให้รับประทานปลาแซลมอน ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินที่ดีต่อผิว เพราะว่ามีส่วนประกอบของกรดไขมันจำเป็นที่ชื่อว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น ยืดหยุ่น เด้งดึ๋ง และดูอ่อนเยาว์ รวมถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยด้วย แต่สำหรับคนไทยอาจจะหันมารับประทานปลาสวาย ปลาไทยๆ ราคาไม่แพง แต่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ไม่แพ้ปลาชนิดไหนในโลกแทนก็ได้ ไม่ต้องรับประทานปลาแซลมอนให้เปลืองสตางค์

เลิกหยีตา-หาแว่นมาใส่ด่วน
     สมาคมแพทย์ผิวหนังอเมริกันแนะนำว่า การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าซ้ำๆ อย่างเช่นการหยีตา จะทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าต้องทำงานหนักเกินไป และทำให้เกิดร่องลึกที่ชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งร่องลึกเหล่านี้จะพัฒนาไปเป็นริ้วรอยถาวร ฉะนั้นทำตาโตๆ กันเข้าไว้ โดยการใส่แว่นสำหรับอ่านหนังสือ (ถ้าจำเป็นต้องใช้ เพราะสายตาสั้น) รวมถึงควรใส่แว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวหนังรอบๆ ดวงตาไม่ให้ถูกแสงแดดทำร้าย และเพื่อคุณจะได้ไม่ต้องหยีตาหลบแดดอีกด้วย

ผิวสวยด้วยกรดผลไม้
     เพราะกรดผลไม้ช่วยลอกเซลล์ของชั้นผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไป จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยจางๆ และริ้วรอยลึกๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งริ้วรอยรอบๆ ดวงตา โดยมีหลักฐานชิ้นใหม่แสดงว่า กรดผลไม้ที่มีความเข้มข้นสูง จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย

เปลี่ยนจากกาแฟมาเป็นโกโก้
     ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2006 ใน the Journal of Nutrition รายงานว่า โกโก้มีสารประกอบ flavonol 2 ชนิด คือ เอพิคาเตซิน และคาเตซิน ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด ทำให้การหมุนเวียนของเลือดเข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มเนียนมากขึ้น

อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป
     แพทย์ผิวหนังบอกว่า น้ำประปาจะรบกวนน้ำมันที่ผิวหนังสร้างขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดริ้วรอย ดังนั้นการล้างหน้าบ่อยๆ จะล้างสิ่งที่ปกป้องผิวหนังออกไป เว้นแต่ว่าสบู่ที่คุณใช้จะมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยปกป้องผิว จึงขอแนะนำให้ใช้เคลนเซอร์ล้างหน้าแทนสบู่

ใช้วิตามินซีชนิดทา
     ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Tulane และผลการศึกษาจากที่อื่นพบว่า วิตามินซีสมารถเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสียูวีเอและยูวีบี ทำให้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอลดลง รวมถึงทำให้ภาวะผิวหนังอักเสบมีอาการดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิตามินซีที่ใช้ด้วย ปัจจุบันผลการวิจัยส่วนมากพบว่า กรดแอล-เอสคอร์บิก สามารถลดริ้วรอยได้มากที่สุด

กินถั่วเหลืองมากขึ้น
     ผลการวิจัยแสดงว่า ถั่วเหลืองอาจจะช่วยปกป้องหรือเยียวยาผิวที่ถูกแสงแดดทำร้ายได้ โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน The European Journal of Nutrition รายงานว่า อาหารเสริมที่มีถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบพื้นฐานชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวิตามินต่างๆ โปรตีนจากปลา และสารสกัดจากชาขาว เมล็ดองุ่น และมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบด้วย ช่วยทำให้โครงสร้างของผิวดีขึ้นภายใน 6 เดือน

ดูแลผิวด้วยวิธีการที่ถูกต้อง
     ถ้าคุณต้องการรักษาผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ควรเริ่มต้นการดูแลอย่างถูกต้อง ด้วยวิธีที่คุณอาจจะเคยได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยทำเลย ดังนี้

     - หลีกเลี่ยงแสงแดด
     - ทาครีมกันแดด
     - ไม่สูบบุหรี่
     - บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์

     เพียงใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ผิวของคุณก็จะเกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น