วิตามินดี (Vitamin D)

วิตามินดี (Vitamin D)

วิตามินดีหรือแคลซิเฟอรอล (Calciferol) เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำมัน พบในเนย นม ปลาที่มีไขมันสูง ไข่แดง ธัญพืช ร่างกายเราสามารถสร้างวิตามินดีได้โดยสัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า 15 นาที สัปดาห์ละ 2-4 ครั้ง แสงแดดจะช่วยเปลี่ยนสารสารประเภทคอเลสเตอรอลในร่างกายเราไห้เป็นวิตามินดี และวิตามินดียังพบในปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน แมคเคอเรล ตับ น้ำมันตับปลา นม เนย ทำให้ไม่ค่อยมีความจำเป็นมากนักที่จะไปรับประทานวิตามินดีชนิดเม็ดเสริม

แต่อย่างไรก็ตามยังพบคนที่ขาดวิตามินดีได้ คือคนที่ไม่โดนแดด คนที่ทาครีมกันแดด ทารก คนชรา และคนอ้วน

วิตามิน D มีประโยชน์อะไรกับเราบ้าง­

ผลงานวิจัยล่าสุดเผยวิตามิน D มีประโยชน์ต่างๆ ดังนี้:

  • ช่วยให้อายุยืนยาว งานวิจัยล่าสุดเผยว่าวิตามิน D สามารถช่วยลดการตายที่เกี่ยวเนื่องกับโรคมะเร็ง โรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ผลจากวิเคราะห์การสุ่มกลุ่มตัวอย่าง 18 กลุ่ม แสดงให้เห็นว่าผู้ใหญ่ที่รับประทานวิตามิน D ในปริมาณระหว่าง 400–830-IU เป็นประจำทุกวันช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากโรควิถีชีวิต
  • ช่วยให้หัวใจมีสุขภาพดี งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าระดับวิตามิน D ในร่างกายที่เพียงพอช่วยทำให้ตัวบ่งชี้ทางชีวภาพของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบดี ขึ้น
  • รักษาระดับความดันเลือด วิตามิน D ช่วยให้การทำงานของหลอดเลือดเป็นไปด้วยดี โดยงานศึกษาแสดงให้เห็นว่าหากเราได้รับวิตามิน D เพียงพอ (เช่น ไม่ขาดวิตามินชนิดนี้) จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคความดันสูง
  • ปกป้องกระดูก วิตามิน D และแคลเซียม ช่วยปกป้องกระดูกจากการเป็นโรคกระดูกผุ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูกที่เกิดจากโรคกระดูกผุด้วย

ต้องการวิตามิน D มากขนาดไหนในแต่ละวัน­

อายุ RDI
ทารก 0 - 12 เดือน 400 IU
เด็กอ่อน 1 - 4 ปี 400 IU
4 ปีขึ้นไป 400 IU

 ข้อควรระวังในการรับประทาน วิตามินดี

      การได้รับวิตามินดีมากเกินไปจะทำงานตรงกันข้ามกับหน้าที่ของวิตามินดี คือ จะดึงแคลเซียมออกจากกระดูกไปพอกที่ผนังหลอดเลือด หัวใจ ปอด และไต

     วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากรับประทานมากเกินไปและรับประทานติดต่อกันจะสะสมที่ตับ ทำให้เกิดพิษได้

     การได้รับวิตามินดีมากว่า 5 เท่าของปริมาณที่กำหนด จะเกิดพิษ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ห้องเสีย

     หากสตรีมีครรภ์ ได้รับวิตามินดีมากเกินไป จะทำให้ทารกมีความผิดปกติในระบบหลอดเลือดและปัญญาอ่อน

แหล่งข้อมูล :คู่มืออาหารเสริมฉลับสมบูรณ์ ดร.เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์