
แมกนีเซียมเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าที่หลายคนคิด แม้จะเป็นสารอาหารที่ต้องการในปริมาณไม่มาก แต่หากขาดไปอาจส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างชัดเจน
หน้าที่สำคัญของแมกนีเซียมในร่างกาย
1) ช่วยทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
» แมกนีเซียมช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้อย่างสมดุล ลดการเกิดตะคริวหรือกล้ามเนื้อกระตุก
» มีบทบาทต่อการส่งสัญญาณประสาท ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงาน (Energy Production)
» แมกนีเซียมเป็นโคแฟกเตอร์ในเอนไซม์มากกว่า 300 ชนิด โดยเฉพาะกระบวนการสร้างพลังงานจากอาหารที่เรากิน
3) บำรุงกระดูกและฟัน
» ทำงานร่วมกับแคลเซียมและวิตามินดี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน
4) ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิต
» งานวิจัยพบว่าแมกนีเซียมช่วยสนับสนุนการทำงานของอินซูลิน และมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
5) ส่งเสริมสุขภาพจิตและการนอนหลับ
» การขาดแมกนีเซียมอาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือหลับยาก
» มีผลต่อสารสื่อประสาทที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
แหล่งอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
» ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม คะน้า
» ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ควินัว
» ถั่วและเมล็ด เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง
» ปลาและอาหารทะเล
» กล้วย อะโวคาโด และดาร์กช็อกโกแลต
อาการที่บ่งบอกว่าอาจขาดแมกนีเซียม
» เป็นตะคริวหรือกล้ามเนื้อกระตุกบ่อย
» เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
» หงุดหงิด เครียด หรือมีปัญหาการนอน
» ใจสั่น หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
ควรได้รับแมกนีเซียมเท่าไรต่อวัน?
» ผู้ชายวัยผู้ใหญ่: 400–420 มก./วัน
» ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่: 310–320 มก./วัน
» หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: อาจต้องการมากขึ้นเล็กน้อย
สรุป
แมกนีเซียมอาจดูเป็นแค่แร่ธาตุเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมีความสำคัญต่อร่างกายมหาศาล ตั้งแต่กล้ามเนื้อ สมอง หัวใจ ไปจนถึงสุขภาพกระดูก การได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอจากอาหารที่หลากหลายหรือการเสริมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับของการดูแลสุขภาพระยะยาว