เมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนเพศชาย “เทสโทสเตอโรน (Testosterone)” ลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า “ภาวะผู้ชายวัยทอง” หรือ PADAM (Partial Androgen Deficiency in Aging Male) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป
ฮอร์โมนเพศชายที่ลดลงนี้มีผลโดยตรงต่อหลายระบบของร่างกาย เช่น
» ระบบประสาทและอารมณ์
» ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
» ระบบการเผาผลาญ
» และที่สำคัญคือ “สมรรถภาพทางเพศ”
ภาวะผู้ชายวัยทองหมายถึงอะไร
คือภาวะที่ร่างกายของผู้ชายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากระดับฮอร์โมนเพศชายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น
» ความต้องการทางเพศลดลง
» การแข็งตัวของอวัยวะเพศไม่ดีเหมือนเดิม
» อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า
» รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
» มวลกล้ามเนื้อลดลง มีไขมันสะสมเพิ่มขึ้น
» สมาธิและความจำลดลง
» นอนหลับไม่สนิท
ภาวะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดได้กับผู้ชายวัยทำงานที่มีความเครียดสูง พักผ่อนน้อย ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล
กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษ
» ผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
» ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
» ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย และมีน้ำหนักเกิน
» ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือใช้สารเสพติด
» ผู้ที่มีภาวะเครียดสะสม พักผ่อนน้อย ทำงานหนัก
วิธีดูแลและป้องกันภาวะผู้ชายวัยทอง
» นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงต่อวัน)
» ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการฝึกกล้ามเนื้อและคาร์ดิโอ
» รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนสูง ผักผลไม้ และไขมันดี
» ลดการดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่
» ตรวจสุขภาพประจำปี และปรึกษาแพทย์หากเริ่มมีอาการผิดปกติ
» หากจำเป็น อาจได้รับการเสริมฮอร์โมนภายใต้การดูแลของแพทย์
สรุป
ภาวะผู้ชายวัยทองไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือควรละเลย แต่เป็นสัญญาณเตือนให้หันมาใส่ใจสุขภาพกายและใจมากขึ้น การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยชะลอความเสื่อม และคงสมรรถภาพทางเพศได้ยาวนาน
