เห็ดหลินจือ (Lingzhi)

เห็ดหลินจือ (Lingzhi)

เห็ดหลินจือ (Lingzhi) เป็นยาจีน (Chinese traditional medicine ) ที่ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้เป็นต้นมา เห็ดหลินจือเป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน และได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ “เสินหนงเปินเฉ่า” ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่ที่สุดของจีนมีคนนับถือมากที่สุด ได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือเป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” ( Spiritual essence ) มีพลังมหัศจรรย์ บำรุงร่างกายใช้เป็นยาอายุวัฒนะในการยืดอายุออก ไปให้ยืนยาว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ชาวจีนโบราณต่างยกย่องเห็ดหลินจืออย่างเหนือชั้น ว่าดีที่สุดในหมู่สมุนไพรจีน นอกจากจะมีสรรพคุณเหนือชั้นกว่าแล้วยังปลอดภัยไม่มีพิษใด ๆ ต่อร่างกาย สรรพคุณ เห็ดหลินจือ

ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่า เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำใส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน

เห็ดหลินจือได้ถูกบันทึกไว้ว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมาก กว่า 100 สายพันธุ์ และสำหรับสายพันธุ์ที่นิยมมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม (Ganoderma lucidum) หรือสายพันธุ์สีแดง เห็ดหลินจือมีสารโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารยับยั้งอาการต่างๆ ข้างต้น เห็ดหลินจือในแต่ละชนิดจะมีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์ในปริมาณที่แตกต่างกัน แต่สายพันธุ์ที่มีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุด คือ เห็ดหลินจือสีแดง ซึ่งมีงานวิจัยต่างๆ พบว่ามีสารโพลีแซคคาไรด์มากที่สุดในบรรดาเห็ดหลินจือทั้งหมด ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเห็ดหลินจือออกมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก การเลือกผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแดง ควรศึกษาตั้งแต่วิธีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะการจะได้เห็ดหลินจือที่มีคุณภาพที่ดีนั้น ตัวเห็ดหลินจือเอง จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องความชื้น แสงสว่าง และสารอาหารที่ได้รับ ส่วนขั้นตอนการแปรรูป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะถือเป็นกระบวนการที่จะสกัดสารโพลีแซคคาไรด์จากตัวเห็ดเองออกมาให้ได้ มากที่สุด นอกจากนี้การบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสนใจไม่แพ้กัน ควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้ดี เพราะว่าความชื้นจะทำให้เห็ดหลินจือขึ้นราได้ เนื่องจากเห็ดหลินจือ ค่อนข้างไวต่อความชื้น

เห็ดหลินจือแดง มีชื่อเสียงเรื่องเป็นสมุนไพรรักษาโรคมานาน และถือได้ว่าเป็นยาวิเศษรักษาโรคได้สารพัดชนิด ปัจจุบันกำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ได้มีการศึกษาถึงสรรพคุณทางยาที่จะนำมาใช้ในการรักษาโรค

ลักษณะทางกายภาพของเห็ดหลินจือนั้น จะพบได้ในป่าเขตอบอุ่นละเขตร้อน โดยจะขึ้นอยู่กับขอยไม้ที่ตายแล้ว เช่นต้นคูณ ต้นก้ามปู ต้นหางนกยูงฝรั่ง ยางพารา มะขาม ต้นหมาก เมื่อตอนที่ขึ้นมาใหม่ ๆ ดอกเห็ดจะมีลักษณะเป็นแท่ง จากยอดโคนลงมาเป็นสีขาว เหลือง และน้ำตาล เมื่อเจรฐเติบโตจนสมบูรณ์ส่วนบนจะแผ่ขยายออกรูปคล้ายพัด และมีสีน้ำตาลอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อเห็ดหลินจือแดงนั่นเอง

นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการศึกษาทดลองวิจัยสารสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในเห็ดหลินจือ พบว่ามีมากมายกว่า 150 ชนิด ซึ่งนั่นทำให้เห็ดหลินจือมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรค
สรรพคุณทางยาที่นักวิจัยต่าง ๆ ได้ศึกษามาแล้วนั้น มีอะไรบ้าง


สรรพคุณในการต้านสารอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง และการแก่ก่อนวัยของคุณผู้หญิงทั้งหลายด้วย

ความสามารถในการควบคุมระบบการไหลเวียนของเลือด ลดความดันโลหิต ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำตาลหรือผู้ป่วยเบาหวาน

มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ

ช่วยในการบำรุงตับและเพิ่มคุณสมบัติในการทำลายสารพิษ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคตับอักเสบ

สามารถสร้างระบบภูมิต้านทาน เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว ช่วยต้านทานไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราและเซลล์มะเร็ง โดยจะมีสาร Polysaccharide จะช่วยกระตุ้นเซลล์ Lymphocyte-T ทำให้บรรเทาการเกิดโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน และหอบหืดได้

ล้างสารพิษในร่างกาย (Detoxification) สารสำคัญต่าง ๆ ในเห็ดหลินจือ กระจายไปทั่วร่างกาย เพื่อขับไล่พิษ สารพิษและสารตกค้างที่ทำให้เกิดโรค เช่นกรดยูริก น้ำตาล ไขมัน สารก่อมะเร็ง หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยบำรุงไตให้ไตทำงานได้ดีขึ้น หรือในบางรายที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ก็ยังช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของไตด้วย
ทั้งนี้กระบวนการล้างพิษของเห็ดหลินจืออาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ มีไข้ ปวดตามข้อ ท้องเสีย น้ำมูกไหล ไอ เป็นต้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่รับประทาน 3-7 วัน จนเห็ดหลินจือได้ขับสารพิษออกจากร่างกายและร่างกายเริ่มปรับสภาพได้แล้ว

สารเคมีในเห็ดหลินจือ ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท จึงทำให้นอนหลับสนิท

วิธีการทานเห็ดหลินจือที่สำคัญ คือต้องดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้กระบวนการล้างพิษมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันก็ยังสามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้โดยไม่ ต้องหยุดยาของแพทย์ แต่ควรรับประทานเห็ดหลินจือหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ช.ม. ซึ่งจะช่วยในการบำบัดโรคตามแนวทางทฤษฎีการแพทย์ผสมผสาน

ใครที่สามารถรับประทานเห็ดหลินจือได้บ้าง
จากสรรพคุณที่ช่วยในการป้องกันและการบำบัดรักษา จึงเหมาะกับโรคของผู้สูงวัยและก่อนผู้สูงวัย ที่มีปัญหาเรื่อง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตันในสมอง โรคตับ โรคไต โรคหอบหืด ภูมิแพ้ต่าง ๆ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ รวมทั้งสามารถให้เป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่จะนำไปสู่โรคมะเร็ง และช่วยชะลอความแก่ได้ แต่คนหนุ่ม สาวที่ใส่ใจกับสุขภาพ ก็สามารถทานได้ จึงเหมาะสมกับ...


ผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์แดง อาหารที่มีไขมันสูง ของปิ้ง ย่าง ทอด

ผู้ที่ชอบสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิต เบาหวาน หรือมีประวัติว่าญาติสนิทเป็นโรคดังกล่าว

ผู้ที่เป็นไข้หวัดบ่อย มีภูมิต้านทานต่ำ แพ้อากาศง่าย พักผ่อนน้อย นอนหลับไม่สนิท

ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เคยเข้ารับการทำรังสีบำบัดมาก่อน (ทำคีโม)



ผู้ที่ต้องการจะทานเห็ดหลินจือแดง ปัจจุบันเลือกหาซื้อได้ง่าย และรับประทานได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลายรูปแบบที่เป็นแบบสารสกัดเข้มข้นบรรจุในแคปซูล หรือถ้าใครอยากทานแบบดั้งเดิมก็สามารถเลือกทานทานแบบที่ขายเป็นแผ่นอบแห้ง แล้วเอาไปต้มดื่มก็ได้เช่นกัน

ทางเลือกอาหารเสริมสมุนไพร ที่มีหลากหลายมากขึ้น ใครที่สนใจสามารถหามาทานกันได้ แต่อย่าลืมเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีชื่อผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย รายละเอียดบนฉลากและวันหมดอายุอย่างชัดเจน รวมไปถึงการบรรจุหีบห่อก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน ต้องสะอาด เรียบร้อย ไม่มีรายฉีกขาด